
BTU (British Thermal Unit) เป็นคำที่เรามักได้ยินเวลาซื้อแอร์ แต่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจว่ามันสำคัญอย่างไร ในบทความนี้ เราจะพาคุณมารู้จัก BTU และเหตุผลที่ควรให้ความสำคัญเมื่อเลือกซื้อแอร์
BTU คืออะไร?
BTU คือหน่วยวัดความสามารถในการทำความเย็นของแอร์ แสดงถึงปริมาณความร้อนที่แอร์สามารถดึงออกจากห้องในหนึ่งชั่วโมง ยิ่ง BTU สูง ความสามารถในการทำความเย็นก็ยิ่งมาก
ทำไมการเลือก BTU จึงสำคัญ?
การเลือก BTU ที่เหมาะสมกับขนาดห้องส่งผลต่อ:
- ความเย็นที่เพียงพอ: BTU ที่เหมาะสมช่วยให้ห้องเย็นเร็วและคงที่
- การประหยัดพลังงาน: หากเลือก BTU ที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เปลืองค่าไฟ
- ยืดอายุการใช้งานของแอร์: แอร์ที่ทำงานตามขนาด BTU ที่เหมาะสม จะไม่ต้องทำงานหนักเกินไป
ผลของการเลือก BTU ที่ไม่เหมาะสม
- BTU ต่ำเกินไป
- ห้องจะไม่เย็นเพียงพอ
- แอร์ทำงานหนักตลอดเวลา เสียหายเร็ว
- ค่าไฟพุ่งสูงเพราะแอร์ไม่ตัดการทำงาน
- BTU สูงเกินไป
- ห้องเย็นเร็วเกินไป แต่ความชื้นในห้องจะสูง
- แอร์ตัดบ่อย ทำให้คอมเพรสเซอร์เสื่อมเร็ว
- เปลืองเงินโดยใช่เหตุ เพราะแอร์ราคาสูงตาม BTU
คำนวณ BTU อย่างไรให้เหมาะกับห้อง?
สามารถคำนวณ BTU แบบง่ายๆ ได้ดังนี้:
- BTU = ขนาดห้อง (ตร.ม.) x ค่าความเย็นที่เหมาะสม
โดยค่าความเย็นจะแตกต่างกันตามการใช้งาน: - ห้องนอนปกติ: คูณด้วย 800-1000
- ห้องที่มีแดดจัดหรือคนใช้งานเยอะ: คูณด้วย 1000-1200
ตัวอย่าง: ห้องขนาด 20 ตร.ม. ที่รับแดดจัด
BTU = 20 x 1200 = 24,000 BTU
สรุป
BTU ของแอร์มีความสำคัญอย่างมาก เพราะส่งผลต่อทั้งความเย็นในห้อง ค่าไฟ และอายุการใช้งานแอร์ เลือก BTU ให้เหมาะสมกับขนาดห้องและการใช้งาน เพื่อให้ได้ความคุ้มค่าที่สุด!
Tips: หากไม่มั่นใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือร้านค้า เพื่อช่วยแนะนำ BTU ที่เหมาะสม 😊