
ทำไมแอร์ถึงเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟเบอร์หนึ่ง
แอร์ หรือ เครื่องปรับอากาศ นับเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟมากที่สุดในบ้าน นั่นเป็นเพราะกลไกในการทำงานที่ซับซ้อนและต้องใช้พลังงานสูงในการย้ายความร้อนออกจากพื้นที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง และนี่คือเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้แอร์เป็น “ตัวกินไฟ” เบอร์หนึ่ง โดยคอมเพรสเซอร์ (Compressor) ทำหน้าที่อัดสารทำความเย็นให้มีความดันและอุณหภูมิสูงขึ้น เพื่อให้สารทำความเย็นสามารถถ่ายความร้อนออกไปภายนอกได้ ทั้งนี้ การทำงานของคอมเพรสเซอร์เปรียบเสมือนปั๊มขนาดใหญ่ที่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้ามหาศาล
ยิ่งคอมเพรสเซอร์ทำงานหนักและนานมากเท่าไหร่ ค่าไฟก็จะยิ่งพุ่งสูงขึ้นเท่านั้น และยิ่งอุณหภูมิภายนอกสูงมากเท่าไหร่ แอร์ก็ยิ่งต้องทำงานหนักมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะได้เอาชนะความร้อนภายนอกและรักษาอุณหภูมิภายในห้องตามที่ตั้งไว้ ดังนั้น จึงไม่แปลกใจว่าทำไมเปิดแอร์ตอนอากาศร้อน ๆ ค่าไฟจึงพุ่งสูงขึ้นนั่นเอง!
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการกินไฟของแอร์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกขนาดของแอร์ที่ไม่เหมาะสมกับห้อง ถ้าแอร์เล็กกว่าขนาดห้องจะทำให้แอร์ต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อพยายามลดอุณหภูมิให้ถึงเป้าหมาย ทำให้เปลืองไฟมากและแอร์เสื่อมสภาพเร็ว แต่ถ้าแอร์ใหญ่กว่าขนาดห้องก็จะทำให้ห้องเย็นเร็ว แต่อาจจะมีการเปิด-ปิดบ่อย ๆ นั่นก็ทำให้เปลืองไฟเช่นกัน รวมถึงการดูแลรักษาไม่ดีพอ ไม่ค่อยล้างแอร์ หรือการตั้งอุณหภูมิที่ต่ำเกินไป เพราะทุก ๆ 1 องศาเซลเซียสที่ได้ลดอุณหภูมิแอร์ลงต่ำกว่า 25-26 องศาเซลเซียส แอร์จะกินไฟเพิ่มขึ้นประมาณ 10% การตั้งอุณหภูมิที่เย็นจัดทำให้แอร์ต้องทำงานต่อเนื่อง เพื่อรักษาระดับความเย็นที่ต่ำมากนั้น ดังนั้นทุกคนที่มีแอร์ควรรู้วิธีเปิดแอร์ให้ประหยัด เพื่อให้คุณสามารถเปิดแอร์ได้อย่างฉลาดและประหยัดค่าไฟได้จริง
8 วิธีเปิดแอร์อย่างฉลาด เย็นพอดี ประหยัดชัวร์!
1. เปิดประตูและหน้าต่าง ไล่ลมร้อนก่อนเปิดแอร์
เปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟ ก่อนอื่นเลยควรจะต้องเปิดประตูและหน้าต่างภายในห้องที่จะเปิดแอร์ เพื่อช่วยระบายความร้อนที่สะสมอยู่ในห้องก่อน เมื่อเปิดแอร์ก็จะทำให้อุณหภูมิภายในห้องเย็นเร็วขึ้น อีกทั้งแอร์ก็จะไม่ทำงานหนักเกินไป ทำให้ไม่เปลืองค่าไฟและช่วยลดค่าไฟที่ต้องจ่าย ดังนั้น วิธีเปิดแอร์ให้ประหยัดง่าย ๆ เลย ควรเปิดประตูและหน้าต่าง เพื่อไล่ความร้อนก่อนเปิดแอร์สักประมาณ 15 นาที
2. ควรปิดห้องให้สนิทปิดชิดเมื่อเปิดแอร์
เมื่อระบายความร้อนภายในห้องแล้ว คราวนี้ก่อนเปิดแอร์ควรตรวจสอบให้เรียบร้อยว่าประตูและหน้าต่างปิดสนิทครบทุกบานหรือไม่? รวมถึงให้ปิดม่านด้วย เพื่อไม่ให้แสงแดดส่องเข้ามาภายในห้องได้ หากความร้อนจากภายนอกเข้ามาภายในห้อง แอร์ก็จะต้องทำงานหนักขึ้น เพราะจะต้องรักษาอุณหภูมิในห้องให้คงความเย็นไว้ตลอดแล้วนั่นเอง นอกจากนี้ยังไม่แนะนำให้เปิดแอร์ในพื้นที่เปิดโล่ง หรือหรือที่ไม่มีประตูกั้น เพราะจะทำให้แอร์ไม่เย็น แถมยังเปลืองพลังงาน เปลืองค่าไฟอีกด้วย แต่ถ้าจำเป็นต้องติดแอร์ในพื้นที่โล่งจริง ๆ แนะนำให้หาฉากกั้นมาติดตั้งด้วย เพื่อช่วยให้แอร์ทำงานไม่หนักจนเกินไป
3. ควรตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสม
หนึ่งในเคล็ดลับเด็ด! เปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟ คือการตั้งอุณหภูมิให้สูงขึ้นเพียงแค่ 1 องศาเซลเซียส ก็จะสามารถช่วยประหยัดไฟได้ถึง 10% เลย โดยทั่วไปแล้วจะเห็นคนชอบแนะนำให้เปิดแอร์อยู่ที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส แต่จริง ๆ แล้วร่างกายคนเราจะสามารถอยู่ในอุณหภูมิประมาณ 27 – 28 องศาเซลเซียสได้สบาย ๆ เลย ซึ่งอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการพักผ่อน แถมยังช่วยประหยัดพลังงานได้ด้วย แต่ถ้ายังรู้สึกว่าร้อน หรือเย็นฉ่ำไม่พอ อาจเปิดพัดลมช่วยเป่าเสริม เพื่อช่วยให้อากาศถ่ายเทและรู้สึกเย็นสบายขึ้น โดยที่ไม่ต้องลดอุณหภูมิแอร์ลงอีก
4. เลือกเปิด “โหมดพัดลม” หรือ “Fan Mode”
อีกหนึ่งวิธีเปิดแอร์ให้ประหยัด คือ การเลือกใช้โหมดพัดลม เมื่อห้องเริ่มเย็นได้ที่แล้วให้ลองเปลี่ยนมาใช้เป็นโหมดพัดลม (Fan Mode) แทนการเปิดโหมดทำความเย็น (Cool Mode) ซึ่งการเปิดโหมดพัดลมนั้นยังช่วยให้แอร์ยังคงพัดลมออกมา ทำให้อากาศในห้องหมุนเวียน แต่คอมเพรสเซอร์แอร์จะหยุดทำงาน ช่วยให้ประหยัดไฟได้มากขึ้น เพราะการทำงานของของคอมเพรสเซอร์คือส่วนที่กินไฟมากที่สุดเลย
5. เลือกเปิด “โหมดประหยัดพลังงาน” (Eco Mode)
การเลือกใช้โหมดประหยัดพลังงาน หรือ Eco Mode เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยประหยัดไฟได้ดี เพราะโหมดนี้ได้ถูกออกแบบมาเพื่อลดการใช้พลังงานให้โดยอัตโนมัติ เช่น การลดรอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์ใน Eco Mode หรือ การปรับอุณหภูมิขึ้นทีละน้อยในขณะนอนหลับใน Sleep Mode โดยที่คุณยังรู้สึกถึงความเย็นสบาย แต่ช่วยเซฟเงินค่าไฟให้กับคุณได้สบาย ๆ
6. เปิดพัดลมพร้อมกับการเปิดแอร์
การเปิดพัดลมควบคู่ไปกับการเปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 25-27 องศาเซลเซียส เป็นวิธีที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ดีเลยทีเดียว เพราะการเปิดพัดลมนั้นช่วยให้อากาศเย็นจากแอร์กระจายไปทั่วห้องได้ ทำให้รู้สึกเย็นสบายเท่ากับการเปิดแอร์อุณหภูมิต่ำกว่า แต่ประหยัดไฟได้มากกว่า เปิดแอร์อุณหภูมิต่ำ ๆ เพราะพัดลมใช้กำลังไฟเพียงแค่ 50 วัตต์เท่านั้น เมื่อเทียบแอร์ที่ใช้กำลังไฟสูงถึง 750 – 1,200 วัตต์ (เฉพาะ 9,000 – 12,000 BTU)
7. ไม่ควรเพิ่มความชื้นภายในห้อง
การทำงานของแอร์ไม่เพียงแต่ให้อุณหภูมิในห้องเย็นขึ้นเท่านั้น แต่ความเย็นจากแอร์ยังทำให้อากาศภายในห้องแห้งลงอีกด้วย ดังนั้น หากมีสิ่งของที่ก่อให้เกิดความชื้นภายในห้อง เช่น แก้วน้ำ อ่างน้ำ หรือผ้าเช็ดตัวที่เปียกน้ำอยู่ในห้อง แอร์ก็จะทำงานหนักมากกว่าเดิม ส่งผลให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จึงควรหลีกเลี่ยงที่นำส่งของต่าง ๆ ที่มีความชื้นมาอยู่ภายในห้อง
8. ตั้งเวลาปิดแอร์
การตั้งเวลาปิดแอร์ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีการ เปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดไฟ เมื่อปิดแอร์แต่ความเย็นยังคงอยู่ภายในห้องได้ประมาณ 30 – 60 นาที และหากเปิดพัดลมเบา ๆ ควบคู่ไปด้วยก็จะยิ่งช่วยกระจายความเย็นระหว่างที่แอร์ปิดไปแล้วได้อยู่พอสมควร ดังนั้น เพื่อการประหยัดไฟ ควรตั้งเวลาปิดแอร์อัตโนมัติล่วงหน้าประมาณ 60 นาที ก่อนตื่นนอน จะช่วยประหยัดค่าไฟได้ เช่น หากตื่นตอนนอน 7 โมงเช้าทุกวัน ควรตั้งปิดแอร์ไว้ที่ตอน 06.00 น. เพื่อป้องกันไม่ให้ใช้แอร์เกินระยะเวลาที่กำหนด และที่สำคัญช่วยลดค่าไฟในระยะยาวได้ด้วย

การดูแลแอร์ที่ช่วยประหยัดไฟ ประสิทธิภาพดี ค่าไฟไม่บาน!
หลายคนอาจจะคิดว่าการดูแลแอร์นั้นเป็นเรื่องยุ่งยาก หรือต้องเรียกช่างแอร์มาดูแลเท่านั้น! แต่ความเป็นจริงการดูแลแอร์เบื้องต้นคุณสามารถทำได้ด้วยตัวเอง เพื่อให้แอร์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ การตรวจสอบการรั่วซึมของน้ำยาแอร์ หรือแม้แต่การตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ล่ะ ที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของแอร์ และยังช่วยให้คุณประหยัดค่าไฟได้อย่างน่าตกใจอีกด้วย วันนี้เรามีเคล็ดลับการดูแลแอร์ที่ช่วยประหยัดไฟแบบง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็ทำตามได้ มาดูกันเลย
1. ล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอ
โดยทั่วไปแล้วควรล้างทำความสะอาดแอร์ อย่างน้อยปีละ 1 – 2 ครั้ง โดยช่างผู้เชี่ยวชาญ เป็นการล้างครั้งใหญ่ เพื่อกำจัดฝุ่นละออง สิ่งสกปรก และเชื้อโรคที่สะสมอยู่ภายในของคอยล์เย็น คอยล์ร้อน และระบบท่อต่าง ๆ การล้างแอร์จะช่วยให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและประหยัดไฟได้ถึง 10-15% เลยทีเดียว
2. ล้างแผ่นทำความสะอาดกรองอากาศอย่างสม่ำเสมอ
นี่คือสิ่งที่คุณสามารถดูแลแอร์ได้ง่ายที่สุด! แผ่นกรองอากาศ เป็นด่านแรกที่ดักจับฝุ่นละอองต่าง ๆ หากแผ่นกรองสกปรกจะทำให้ลมเย็นผ่านได้ยาก ทำให้แอร์ต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อที่จะดันลมเย็นออกมาให้เย็น แล้วก็จะส่งผลให้กินไฟมากขึ้น ดังนั้น ควรหมั่นล้างทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศทุก 2 สัปดาห์ หรือ อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง หรือบ่อยกว่านั้นหากบ้านมีฝุ่นเยอะ เพียงแค่ถอดออกมาล้างด้วยน้ำเปล่าและผึ่งให้แห้งก็เรียบร้อย ซึ่งเป็นวิธีที่คุณสามารถช่วยดูแลแอร์ที่ช่วยประหยัดไฟได้ง่ายที่สุด!
3. หมั่นเช็กตรวจสอบและซ่อมบำรุงแอร์
หากเปิดแอร์ใช้งานทุกวัน ให้คอยหมั่นเช็กสิ่งผิดปกติต่าง ๆ เช่น ถ้าแอร์มีเสียงดังผิดปกติ มีน้ำหยด หรือแอร์ไม่เย็นเหมือนเดิม แนะนำให้เรียกช่างที่มีความเชี่ยวชาญการซ่อมแอร์เข้ามาตรวจสอบและซ่อมบำรุงทันที เพราะปัญหาเล็กน้อยถ้าปล่อยทิ้งไว้นาน อาจจะลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้
*AMC AIR สาระแอร์บ้าน
